วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อิสรภาพ

(จากส่วนหนึ่งของ ปรัชญาชีวิต ของ คาลิล ยิบราน KHALIL GIBRAN แปลโดย ระวี ภาวิไล)

...
    และนักพูดคนหนึ่งกล่าวว่า
    ได้โปรดพูดกับเราถึง อิสรภาพ และท่านตอบว่า

    ที่ประตูเมืองและที่ข้างเตาไฟ
    เราได้เห็นเธอกราบกรานแลบูชาอิสรภาพของตนเอง
    ดูประหนึ่งข้าทาสน้อมตนเฉพาะหน้าทุรราช
    และกล่าวเยินยอแม้ว่าตนจะถูกพิฆาตฆ่า

    ถูกแล้วที่ต้นไม้รอบโบสถ์ และในร่มเงาของป้อมปราการ
    เราได้เห็นเธอที่เป็นอิสระที่สุด
    สวมใส่อิสรภาพของตน ดุจดังขื่อคาและโซ่ตรวน
    และดวงใจเราก็หลั่งเลือดอยู่ภายใน
    เพราะเธอเป็นอิสระได้ทั้งที่
    ความกระหายในอิสรภาพเป็นบังเหียนรั้งเธออยู่
    และเมื่อเธอเลิกกล่าวถึงอิสรภาพว่า
    เป็นจุดหมายปลายทางและความบรรลุผลแล้ว
    เธอย่อมเป็นอิสระแน่แท้
    ทั้งที่วันของเธอยังมีความรับผิดชอบ
    และคืนของเธอยังมีความต้องการและความระทม
    ด้วยแม้เมื่อสิ่งเหล่านี้เกี่ยวรัดชีวิตของเธอไว้
    เธอก็ยังสามารถหลุดลอยขึ้นเหนือมัน
    เปล่าเปลือย และไม่ถูกผูกมัด
    และเธอจะหลุดลอยขึ้นเหนือทิวาและราตรีของเธอได้อย่างไร
    นอกจากจะทำลายโซ่ตรวน ซึ่ง ณ อรุโณทัยแห่งความเข้าใจนั้น
    เธอได้ผูกมัดมันไว้รอบยามเที่ยงของเธอเอง

    ตามสัตย์จริงสิ่งที่เธอเรียกว่าอิสรภาพนี้
    คือโซ่ตรวนแบบนี้ที่แข็งแรงที่สุด
    แม้ว่าข้อต่อของมันจะต้องแสงแดดเป็นประกายจับตาของเธอ
    สิ่งที่เธอจะต้องสละทิ้งไปเพื่อจะบรรลุอิสรภาพนั้น มิใช่สิ่งอื่นใด
    แท้จริงก็คือชิ้นส่วนของอาตมันของเธอนั่นเอง
    ถ้าเธอต้องการลบล้างกฎหมายอันไม่เป็นธรรม
    ก็กฎหมายนั้น แท้จริงเธอได้จารึกไว้ด้วยมือตนบนหน้าผากตนเอง
    เธอไม่อาจลบถูมันหมดได้โดยเผาตำรับกฎหมาย
    หรือล้างหน้าผากตุลาการของเธอ
    แม้ว่าเธอจะราดรดด้วยน้ำทั้งมหาสมุทร

    และแม้เธอจะโค่นบัลลังก์ทุรราช
    ก็จงดูให้แน่ใจเสียก่อนว่า
    บัลลังก์ของเขาภายในเธอถูกทำลายก่อนแล้ว
    เพราะทุรราชจะปกครองอิสรชน และผู้หยิ่งผยองได้อย่างไร
    ถ้าไม่เพื่อข่มขี่อิสรภาพ
    และก่อความอัปยศในความทะนงของเขาเหล่านั้นเอง
    และถ้าเธอสามารถจะเหวี่ยงความหวั่นระวังไปให้พ้น
    ก็ความหวั่นระวังนั้นเอง เธอได้เป็นผู้เลือกเอา
    มิได้มีใครนำมาบังคับแก่เธอ
    และถ้าเธออยากขจัดความหวั่นกลัว
    รากฐานของความกลัวนั้นก็อยู่ในดวงใจของเธอเอง
    มิใช่ในเงื้อมมือของสิ่งที่เธอกลัว


    แท้จริงสรรพสิ่งอันเคลื่อนไหวอยู่ในเธอนั้น
    ดำรงอยู่ในความกอดรัดเพียงกึ่งเดียวเสมอ
    ทั้งสิ่งต้องปรารถนาและสิ่งที่พรั่นพรึง
    สิ่งน่าขยะแขยง และสิ่งต้องอารมณ์
    ทั้งสิ่งที่เธอไล่ไขว่คว้า
    และสิ่งที่เธอต้องการหลบลี้

    สิ่งเหล่านี้เคลื่อนไหวอยู่ภายในเธอ
    ดุจความสว่างและเงามืดอันกอดรัดกันอยู่เป็นคู่
    และในเมื่อเงามืดจากและสูญไป
    ความสว่างอันคงอยู่ก็กลายเป็นเงาของความสว่างใหม่ต่อไป
    เช่นเดียวกันนี้เมื่อพันธนาการแห่งอิสรภาพของเธอสิ้นสูญไป
    มันเองก็กลายเป็นพันธนาการ
    ของอิสรภาพอันยิ่งใหญ่กว่าต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น